สมัยก่อน ตั้งแต่เด็ก ยันวัยรุ่น ไม่เคยมีภาพความฝันที่จะเป็นข้าราชการเลย ไม่เคยคิดจะทำงานราชการเลย และแอนตี้ซะด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าเงินน้อย ไม่มีวันรวย และภาพลักษณ์ของราชการในสายตานี่ไมีค่อยดีเท่าไร ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวล่ะนะ แต่จุดเปลี่ยนคืออะไร เดี๋ยวลองอ่านดูไปเรื่อย ๆ แล้วกัน
อาชีพที่อยากเป็นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
พ่อมีอาชีพเป็นตำรวจ แม่เป็นครู แต่อยู่กับแม่มากกว่า เลยซึมซับการเป็นครูของแม่ เนื่องจากเรียนโรงเรียนเดียวกับที่แม่สอน ก็จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ภาพที่เห็นแรก ๆ ก็คือการเป็นครู ทำให้อยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก แต่คือแค่เด็กจริง ๆ นะ
ต่อมาเมื่อประมาณ ม.ปลาย อายุประมาณ 15-17 ปี ตอนนั้นเริ่มฟังเพลงตามวิทยุ ฟังตามเพื่อนนั่นแหละ ก็เริ่มอยากเป็นดีเจ ที่โรงเรียนมีวิทยุของโรงเรียนอยู่ ก็หน้าด้านไปขอเขาจัดรายการ งู ๆ ปลา ๆ ไป เป็นฝันที่วูบวาบมาก จบ ม. ปลาย แล้วก็จบกัน
ความถนัดที่ไม่รู้จุดเกิดเหตุ
เนื่องจากแม่สอนคอมพิวเตอร์ จึงส่งเสริมให้ลูกใช้ ทั้งที่โรงเรียน และที่บ้าน ก็ถือว่ามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านตั้งแต่เด็ก ทำให้เล่นคอมพิวเตอร์เป็นมาตั้งแต่ประถม ยาวนานมา ใช้คอมพิวเตอร์ทำรายงาน ทำงานต่าง ๆ มาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนตอนเลือกคณะเข้ามหาวิทยาลัย สมัยนั้นเป็นการเอ็นทรานซ์ รุ่นสุดท้าย ที่เป็นระบบสอบ 2 รอบ เลือกคะแนนรอบที่ดีที่สุดแล้วไปยื่น แต่สมัยนั้น นอกจากสอบเอ็นทรานซ์ ที่เป็นส่วนกลาง ก็ยังมีการรับตรงของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ใช้คะแนนการสอบเอ็นทรานซ์รอบแรกในการยื่น ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ตัวหรอกว่าอยากเป็นอะไร หรือถนัดอะไร เขาให้เลือก 3 ลำดับ ที่เลือกก็ นิติศาสตร์ เศรษศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ตามลำดับ ผลก็คือได้อันดับที่ 3 คอมพิวเตอร์ธุรกิจนี่เอง เลือกทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร
วัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนีง
อินเทรนด์เสียหน่อย แต่ไม่เกี่ยวอะไรหรอก การเรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ตัวนี่เรียน รูปแบบหลักสูตร จะเป็นธุรกิจครึ่งนึง และการเขียนโปรแกรมครึ่งนึง ในส่วนของธุรกิจ ก็เรียนทั้งบัญชี การเงิน การจัดการ ส่วนของการเขียนโปรแกรมก็เรียนทั้งฐานข้อมูล การเขียนภาษาพวก Pascal และภาษา OOP ตอนนั้นเรียน JAVA มึนตึ้บไปเลย ซึ่งในการทำโปรเจคจบ ตอนนั้นเป็นการทำ Web Application ด้วยความรู้เรื่องฐานข้อมูล และไม่คิดจะเลือก JAVA มาเขียนอยู่แล้ว เลยเลือกศึกษาและใช้ PHP ก็ทำเองด้วยตัวเองจนจบมาได้
ประสบการณ์ของ IT Support
หลังจากเรียนจบ ก็ทำงานในสาย IT มาตลอด ไปหลสงระเริงทำงานในศูนย์ Data Center เฝ้าศูนย์อยู่เกือบ 10 ปี ทำงานสลับกะ Day/Night กะละ 12 ชั่วโมง 2 อาทิตย์เปลี่ยนที ระหว่างนั้นแม่ก็เคี่ยวเข็ญให้ไปสอบราชการ นี่ก็ไม่สนใจ สอบบ้าง ไม่สอบบ้าง ก็ไม่ผ่านภาค ก. หรอก จนอายุ 30 ปี มีเหตุต้องเปลี่ยนงาน ก็เลยได้ไปทำงานที่ต้องวิ่งซัพพอร์ตคอมฯ และระบบที่อยู่ตามร้านเพชร กับงานติดตั้งระบบของโรงแรม ก็เลยได้เห็นการติดตั้ง Network ในรูปแบบใหม่ที่มากกว่าภายในบ้าน ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ทำให้ต่อยอดไปทำอาชีพ IT Support ในบริษัทแห่งหนึ่ง ก็สร้างระบบต่าง ๆ มากมายอย่างที่เคยบอกเล่าไป นอกจากการเขียนโปรแกรมแล้ว ก็มีติดตั้งระบบ VPN การทำงานที่บ้าน การทำงาน Online ในช่วง COVID-19 ก็ทำระบบมาทั้งหมด
ข้าราชการสายเน็ตเวิร์ก
ด้วยประสบการณ์ และวุฒิการศึกษา ทำให้เลือกสอบในตำแหน่ง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ ก็ไล่สอบมาไม่กี่ที่ มาติดที่ที่ 2 ไม่ต้องเหนื่อยกับการไล่สอบมากเหมือนคนอื่น และในการจัดสรรลงกลุ่มงาน ก็ได้รับการจัดสรรมาอยู่ที่กลุ่มงานระบบเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งให้บริการทั่วประเทศ ทั้งเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานและประชาชนทั่วไปที่ต้องใช้บริการ เป็นระบบขนาดใหญ่มาก ในเรื่องเทคนิคอาจจะไม่ได้ลงลึก แต่ในเรื่องการทำเอกสารขออนุมัติ หรืออื่น ๆ นี่หนักหนาสาหัส แต่ก็เอาอยู่แล้วล่ะ ณ วันนี้
เส้นทางการเติบโต
ในสายงานราชการ การเติบโตขึ้นอยู่กับอายุราชการและผลงาน นี่ทำงานมาได้ 3 ปีกว่า และมีผลงานมากพอที่จะใช้ในการขอเลื่อนตำแหน่งได้แล้ว เส้นทางนี้ไม่ได้ต้องใช้ “เส้นสาย” แต่มีเส้นทางที่ชัดเจนให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
สำหรับนี่ที่เคยเป็นคนไม่มีฝันในชีวิต เส้นทางที่ไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกนี้ กลับกลายเป็นเส้นทางที่มั่นคงและทำให้มีมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป นี่ได้เรียนรู้ที่จะเดินไปตามทางที่ถนัดและสร้างความสุขให้กับตัวเอง ซึ่งแม้จะไม่มีความฝันตั้งแต่แรก แต่ก็ได้พบกับความมั่นคงในปัจจุบัน
ความรู้สึกของการเป็นข้าราชการในวันนี้?
นี่รู้สึกว่าการเป็นข้าราชการไม่เหมือนกับภาพที่เคยจินตนาการไว้ในอดีต แต่กลับเป็นอาชีพที่ให้ความมั่นคงและโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การได้ทำงานในสายที่ถนัดและมีโอกาสก้าวหน้า ทำให้ชีวิตมีทิศทางที่ชัดเจนและมีความสุขมากขึ้น แล้วคุณล่ะ เคยคิดว่าอาชีพในฝันของคุณจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่?